5 วิธีรักษาฝ้า กระ ให้เห็นผล
ฝ้า (Melasma) และ กระ (freckle) เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีผิวที่มีสีน้ำตาลเข้มกว่าผิวบริเวณอื่นๆ (hyperpigmentation) ซึ่งสีน้ำตาลเข้มดังกล่าวเป็นสีของเม็ดสีเมลานินที่สร้างขึ้นมาเพื่อดูดซับรังสียูวี โดยฝ้าจะมีลักษณะเป็นปื้น ส่วนกระจะเป็นลักษณะเม็ดสีน้ำตาลเข้มขนาดเล็ก
ฝ้า กระ เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นรังสี UV ที่มาจากแสงแดด, แสงไฟ, แสง blue light จากโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ที่เราใช้เป็นประจำทุกวัน, ประวัติด้านพันธุกรรม, การตั้งครรภ์, การใช้ยากลุ่มฮอร์โมน, ระดับอนุมูลอิสระสูง รวมถึงการขาดโภชนาการที่ดี และความเครียดก็มีผลเช่นกัน เกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณแก้ม, หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก และแม้ว่าฝ้า กระจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็สร้างความไม่มั่นใจให้ใครหลายๆคน วันนี้เราจึงได้รวบรวม 5 วิธีรักษาฝ้า กระ เพื่อคืนความมั่นใจให้ทุกท่านกันค่ะ
- หลบแดดเป็นประจำ : เพราะฝ้ากระมีแสงแดดและรังสี UV เป็นตัวกระตุ้น การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ และการทาครีมกันแดด จึงสามารถช่วยให้ฝ้ากระจางลงได้ เนื่องจากรังสียูวีกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุของการเกิดฝ้ากระ
- ใช้สารกรดธรรมชาติ : น้ำมะนาว, buttermilk, ครีมเปรี้ยว (sour cream), โยเกิร์ต ช่วยทำให้ผิวสว่างขึ้น เนื่องจากมีกรดธรรมชาติ จำพวก Citric acid หรือ Lactic acid ซึ่งปลอดภัย แต่อาจเห็นผลช้า และยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
- ใช้แสงเลเซอร์ : เป็นการใช้คลื่นแสงความเข้มข้นสูงเข้าไปจับกับเม็ดสีและเกิดเป็นพลังงานความร้อนเพื่อทำลายเม็ดสีผิวเป้าหมาย เทคโนโลยีเลเซอร์มีหลากหลาย เช่น YAG laser, IPL (Intense Pulsed Light), Fraxel ได้ผลรวดเร็ว แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น มีค่าใช้จ่ายสูง และอาจมีผลข้างเคียง เช่น ผิวระคายเคือง ไวต่อแดดมากขึ้น มีโอกาสเกิดซ้ำได้ค่อนข้างเร็ว
- ใช้ครีมบำรุงกลุ่ม Fading cream : เช่น Hydroquinone ที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ที่ก่อให้เกิดเม็ดสีผิว ช่วยให้บริเวณที่มีเม็ดสีผิวเมลานินสว่างขึ้น แต่ต้องใช้ในปริมาณและระยะเวลาที่พอเหมาะเท่านั้น เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแห้ง, อักเสบ, ผิวด่าง, ผิวไวต่อแดด และอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้
- รักษาฝ้ากระด้วยครีมบำรุงที่มีส่วนผสม Arbutin : ซึ่ง Arbutin สกัดได้จากผลไม้จากธรรมชาติ 100% เช่น Bearberry, Cowberry, Blurberry, Cranberry เป็นต้น โดยทั่วไปจะใช้ Arbutin ที่ความเข้มข้น 2 – 5% เพื่อรักษาฝ้ากระ เพราะ Arbutin มีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเม็ดสีผิวเมลานิน จึงช่วยให้ผิวสว่างขึ้น และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงจากภายในอีกด้วย การศึกษาให้กลุ่มผู้ทดลองที่มีฝ้ากระได้ใช้ Arbutin cream 2.5% เป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มผู้ทดลองถึง 75.86% มีผิวที่สว่างและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น เพราะไม่ระคายเคืองและอ่อนโยนต่อผิว จึงทำให้แพทย์และผู้เชี่ยวชาญผิวหนังส่วนมากเลือกใช้ครีมที่มีสารสกัด Arbutin ในการรักษาฝ้ากระ
ทางเลือกในการรักษาฝ้ากระที่ดีที่สุด ควรเลือกจากประสิทธิภาพ ทางเลือกที่เหมาะกับผิวของท่านเอง และสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวในระยะยาว
ข้อมูลอ้างอิง :
Balevi A, Ustuner P, Özdemir M. Salicylic acid peeling combined with vitamin C mesotherapy versus salicylic acid peeling alone in the treatment of mixed type melasma: a comparative study. J Cosmet Laser Ther. 2017;19(5):294–9
Kooyers, T. J., & Westerhof, W. (2004). Toxicologische aspecten en gezondheidsrisico’s van hydrochinon in huidbleekformuleringen [Toxicological aspects and health risks associated with hydroquinone in skin bleaching formula]. Nederlands tijdschrift voor geneeskunde, 148(16), 768–771.
McKesey, J., Tovar-Garza, A., & Pandya, A. G. (2020). Melasma Treatment: An Evidence-Based Review. American journal of clinical dermatology, 21(2), 173–225.
Morag M, Nawrot J, Siatkowski I, Adamski Z, Fedorowicz T, Dawid-Pac R, Urbanska M, Nowak G. A double-blind, placebocontrolled randomized trial of Serratulae quinquefoliae folium, a new source of β-arbutin, in selected skin hyperpigmentation. J Cosmet Dermatol. 2015;14(3):185–90.